วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อินเทอร์เน็ต


งานบุญข้าวสาก

ประเพณีบุญข้าวสาก

     การทำบุญข้าวสากนิยมทำในวันขึ้น 15 ค่ำ  เดือน 10 เป็นประจำทุกปี  ที่เรียกว่า "บุญข้าวสาก" เนื่องจากเมื่อจัดทำข้าวปลาอาหาร และเครื่องไทยทานต่าง ๆอุทิศให้ ผู้ล่วงลับไปแล้ว จะทำสากหรือสลาก มีคำอุทิศส่วนกุศลใส่กระดาษบันทึกชื่อ ผู้มีจิตศรัทธาบริจาค และความประสงค์ว่าจะบริจาคทานให้แก่ผู้ใด โดยบอกชื่อผู้ที่จะ มารับส่วนกุศลด้วย

ข้าวสาก
พิธีทำบุญข้าวสาก

     บุญข้าวสากหรือสลาก เป็นการทำบุญอย่างหนึ่งของประเพณีสิบสองเดือน หรือ "ฮิตสิบสอง"  (ฮีต มาจากคำว่า จารีต ฮีตสิบสอง คือ จารีตประเพณีสิบสองเดือน) ของชาวอีสาน โดยมีจุดประสงค์สำคัญ เพื่อมุ่งอุทิศส่วนกุศลให้ญาติสนิท เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย บิดา มารดา สามี ภรรยา พี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว และอาจอุทิศให้ เปรตทั่วไปด้วย

 ก่อนถึงกำหนดวันทำบุญข้าวสาก คือ ราววันขึ้น 13 - 14 ค่ำ เดือนสิบ ชาวบ้าน จะเตรียมอาหารชนิดต่าง ๆ  มีทั้งข้าว เนื้อ ปลา ข้าวเม่า ข้าวพอง ข้าวตอก ขนม และอาหารคาวหวานอื่น ตลอดจนผลไม้ต่าง ๆ  ไว้สำหรับทำบุญ สำหรับข้าวเม่า ข้าพอง และข้าวตอกนั้น จะคลุกเข้ากันโดยใส่น้ำอ้อย น้ำตาล ถั่วงา มะพร้าว ให้เป็นข้าวสาก (ข้าวกระยาสารท) แต่บางท้องถิ่นไม่นำข้าเม่า ข้าพอง และข้าวตอก มาคลุกเข้าด้วยกัน คงแยกไปทำบุญเป็นอย่าง ๆ  เมื่อเตรียมสิ่งของทำบุญเรียบร้อย แล้ว ชาวบ้านจะเอาข้าวปลาอาหารที่มีอยู่ไปส่งญาติพี่น้องและผู้รักใครีนับถือ อาจส่งก่อนวันทำบุญหรือส่งในวันทำบุญเลยก็ได้ สิ่งของเหล่านี้มักแลกเปลี่ยนกัน ไปมา ระหว่างญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เรือนเคียง ถือว่าเป็นการได้บุญ

มื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนสิบ ตอนเช้า ชาวบ้าน จะพากันนำอาหารคาวหวานต่าง ๆ  ไปทำบุญตักบาตร ที่วัด โดยพร้อมเพรียงกัน และถวายทานอุทิศส่วนกุศล ให้ญาติมิตรผู้ล่วงลับไปแล้ว

     ตอนสาย ชาวบ้านจะนำข้าวปลาอาหารที่เตรียมไว้ เป็นข้าวสาก ไปวัดอีกครั้งหนึ่ง เอาอาหารต่าง ๆ  จัดเป็น สำหรับหรือชุดสำหรับถวายทาน หรือถวายเป็นสลากภัต โดยจัดใส่ภาชนะต่าง ๆ  แล้วแต่ความนิยม ของแต่ละท้องถิ่น บางแห่งจัดใส่ถ้วยหรือบางแห่งใช้ทำ เป็นห่อทำเป็นกระทงด้วยใบตองกล้วย หรือกระดาษ แต่ละบ้านจะจัดทำสักกี่ชุดก็ได้ตามศรัทธา ก่อนที่จะถวาย ข้าวสากแด่พระภิกษุสามเณร จะกล่าวคำถวายข้าวสาก หรือสลากภัตพร้อมกัน

     เมื่อเสร็จพิธีถวายข้าวสากแล้ว ช้าวบ้านที่ไปร่วมพิธี ยังนิยมเอาชะลอมหรือห่อข้าวสากไปวางไว้ตามที่ต่าง ๆ  ในบริเวณวัด พร้อมจุดเทียนและบอกกล่าวให้ญาติ หรือเปรตผู้ล่วงลับไปแล้วมารับเอาอาหารต่าง ๆ  ที่วางไว้ และขอให้มารับส่วนกุศลที่ทำบุญอุทิศไปให้ด้วย (ผู้จัดทำ ก็เคยทำสมัยเป็นเด็กกับมารดา)

     ภายหลังจากการถวายข้าวสากแด่พระภิกษุสามเณร และนำอาหารไปวางไว้ตามบริเวณวัดเสร็จแล้ว ก็มีการฟังเทศน์ฉลองข้าวสาก และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ไปให้เปรตและญาติผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่มีนา จะนำข้าวสากไปเลี้ยง "ตาแฮก" ที่นาของตน เพื่อให้ตาแฮกรักษานาและให้ข้าวกล้าอุดมสมบูรณ์ เป็นเสร็จพิธีทำบุญข้าวสาก


 



      เล่ากล่าวตามกาลสมัยก่อน ถึงอีกด้านแห่งความเชื่อว่า... ในวันเพ็ญเดือนสิบของทุกปี เป็นวันที่ยมบาล อนุญาตให้ผู้ที่ตายแล้ว และยังวนเวียนอยู่ในโลกโอปปาติกะที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด ได้มีโอกาสออกมารับส่วนบุญ และข้าวปลาอาหาร ที่ลูกหลานเตรียมมาทำบุญให้ในวันบุญข้าวสากนี้

"วิญญาณ" ที่ลูกหลานไม่ได้ทำบุญมาให้กินในว้ันบุญข้าวสาก ก็ต้องไปรอรับส่วนบุญ และอาหารจากญาติของคนอื่นที่ทำบุญเผื่อแผ่แก่วิญญาณนั้น (วิญญาณที่ลูกหลานไม่ได้ทำบุญไปให้ เรียกว่า "วิญญาณเร่ร่อน") วิญญาณเร่ร่อนนั้นมีความยากลำบากในการรับส่วนบุญส่วนอาหาร เนื่องจากต้องแย่งกันกับวิญญาณเร่ร่อนอีกหลายๆ ตนด้วยกัน หากวิญญาณเร่ร่อนนั้นแย่งไม่ได้ หมายถึงไม่ได้บุญไม่ได้กินอาหาร หรือกินไม่อิ่ม ก็จะสาปแช่งลูกหลาน ที่ไม่ได้ทำบุญไปให้ ลูกหลานก็จะพานพบกับความอัปมงคล และหาความสุขเสียมิได้

กิจกรรมในวันทำพิธี "บุญข้าวสาก"
ลูกหลานเตรียมสำรับ คือ "ห่อข้าวสาก" เพื่อเข้า่ร่วมทำบุญพิธีที่วัด และพระสงฆ์เท่านั้นที่จะทำหน้าที่ในพิธีส่งห่อข้าวสากนี้ไปให้แก่ญาติผู้ล่วงลับไดั และหลายคนมีจิตกุศลต่อวิญญาณเร่ร่อน ก็จะทำห่อข้าวสากขนาดเล็กเผื่อติดไปทำบุญให้แก่วิญญาณเร่ร่อนด้วย เล่าต่อกันมาว่า... วิญญาณเร่ร่อนเหล่านั้นจะรอรับส่วนบุญ และอาหารอยู่ตามร่มไม้ชายคาอาคารทั่วไป เวลาให้บุญให้อาหารควรเจาะจงสถานที่ให้ชัดเจน และเมื่อเสร็จพิธีทำบุญข้าวสากแล้ว ชาวบ้านก็จะแบ่งข้าวสากบางส่วน เพื่อไปทำบุญถวายให้กับ "แฮกนา" ในบริเวณผืนนาของตน เพื่อเป็นการขอบคุณ "แฮกนา" ที่ทำให้มีอู่ข้าวอู่น้ำในการทำมาหาเลี้ยงชีพ และปกปักรักษาไร่นา ผืนนานี้ ให้มีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป

ห่อข้าวสาก
จากที่สังเกตในห่อข้าวสาก พบว่า...ทุกห่อจะมีสิ่งละอันพันละน้อยที่เหมือนกัน ได้แก่ ข้าวเหนียวนึ่งสุก, ธูป 1 ดอก บ้างก็ธูป 3 ดอก, ผลไม้, อาหารประเภทปิ้งย่าง, ข้าวต้มมัด, ดอกไม้หนึ่งคู่ และนอกเหนือจากที่กล่าวมานี้ ก็จะเป็นอาหารที่มีความแตกต่างกันออกไป คือ อาหารที่ผู้ล่วงลับไปแล้วชอบรับประทานเป็นพิเศษเมื่อครั้งสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ความหมายคือ อาหารที่ผู้ล่วงลับไปแล้วชอบรับประทานนั่นเอง

หมายเหตุ : "แฮกนา" เป็นเจ้าที่เจ้าทางประจำผืนนา จัดอยู่ในชั้นเทวดา หากใครคิดไม่ดีต่อผืนนานั้น ก็จะได้รับการลงโทษจาก "แฮกนา" ตามลำดับของโทษหนักและเบาต่างกัน